คนทำงานที่อยากจ่ายภาษีน้อยลงจะนึกถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า long-term equity funds หรือ LTF เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยรายได้ที่ใช้เพื่อซื้อ LTF เป็นรายได้ที่ไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี ข้อจำกัดคือสามารถซื้อ LTF เพื่อลดภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้หรือไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ถ้าอัตราภาษีมีสัดส่วนที่สูง ประโยชน์ที่ได้จาก LTF ก็จะสูงขึ้นยิ่งด้วย ในทางตรงกันข้าม ถ้าอัตราภาษีมีสัดส่วนที่ต่ำ ประโยชน์ที่จะได้จาก LTF ก็จะลดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของ LTF คือ หลังจากที่ซื้อแล้วจะไม่สามารถขายได้จนกว่าจะถึง 5 ปี ถ้าขายก่อนที่จะครบกำหนด จะต้องจ่ายค่าปรับซึ่งประกอบด้วยสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือภาษีที่นำมาลดหย่อนในปีแรกที่ซื้อ LTF ส่วนที่สองคือดอกเบี้ยของภาษืที่ยังไม่จ่าย ในกรณีนี้ ถ้าอัตราดอกเบี้ยคือ 1.5% ต่อเดือน สมมุติว่าซื้อ LTF จำนวนเท่ากันทุกปีเป็นเวลา3ปี หลังจากนั้นเปลียนใจอยากจะขายทั้งหมด ต้องจ่ายภาษีที่ยังไม่จ่ายและดอกเบี้ยของจำนวนภาษีนั้นด้วย ในกรณีนี้หลังจาก 3ปี ดอกเบี้ยคือ 133.6% แปลว่าหากลดหย่อยภาษีไป 60,000 บาท จะต้องคืน 60,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 80,160 บาท แทนที่จะประหยัด 60,000บาท จะต้องเสียเงินเพิ่ม 80,160บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 140,160 บาท
ทุกกองทุนมีค่าธรรมเนียมจัดการกองทุน แต่กองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดไม่ใช่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หมายความว่า หากซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ต้องยอมรับว่าจะจ่ายค่าธรรมเนียมจัดกองทุนในอัตราที่สูงขึ้น ภาษีที่ไม่ต้องจ่ายเป็นผลที่เกิดขึ้นเฉพาะในปีแรก แต่ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นที่จะต้องจ่ายเกิดขึ้นทุกปี ในกรณีของผมเอง สมมุติว่า 50% ของเงินภาษีที่ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินที่จะต้องนำมาจ่ายเพื่อค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนที่สูงขึ้นในอนาคต ถ้าค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนสูงมาก เงินที่ต้องจ่ายเพื่อค่าธรรมเนียมอาจจะสูงกว่าเงินภาษีที่ไม่ต้องจ่าย ในกรณีนี้ การซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหมายถึงการสูญเสียเงิน
ตามปกติแล้ว ผมซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาวถ้าค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนต่ำกว่า 1% และอัตราภาษีสูงสุดของผมเองสูงกว่า20% ถ้าเงือนไขแย่กว่านี้ ธนาคารจะกินจำนวนเงินที่ลดหย่อนได้จากภาษีไปทั้งหมด
ห้ามขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาวก่อน5ปี ถ้าอยากได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี แต่เพื่อการลดค่าธรรมเนียม ต้องขายกองทุนเมื่อถึง 5ปี ทันที อย่าลืมว่าขายเฉพาะส่วนกองทุนที่ซื้อเมื่อ5ปี ที่แล้วเท่านั้น
กองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่มีค่าธรรมเนียมในอัตราต่ำที่สุดที่ผมเคยเจอคือKFLTF50ของธนาคารกรุงศรี ค่าธรรมเนียมของกองทุนนั้นคือ 0.71625% ถ้าเปรียบเทียบกับกองทุนที่ไม่มีประโยชน์ทางภาษีเช่น TDEX ที่มีค่าธรรมเนียม 0.485% จะเห็นว่าแม้ค่าธรรมเนียมจะสูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก เหตุผลอีกอยางหนึ่งที่เลือกกองทุนจากรุงศรีคือความสามารถในการจัดการการลงทุนได้ทางออนไลน์ ผมเองไม่ได้ซื้อกองทุนตามสาขาธนาคาร แต่ซื้อจากกรุงศรี asset management เพราะว่ากรุงศรี asset management มีทีมบริการลูกค้าที่ติดต่อได้ทางอีเมล์และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย แต่ถ้าพูดภาษาไทยได้ตรงนี้อาจจะไม่มีประโยชน์ 😉
บทความนี้ผมเคยเผยแพร่ที่ expatden.com
*ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลงทุนหรือเรืองภาษี บทความด้านบนเขียนขึ้นโดยความเข้าใจและจากประสบการณ์ของตัวผมเอง ถ้าคุณมีคำถามหรือปัญหาเกี่ยวกับภาษีหรือ LTF ผมแนะนำให้ติดต่อนักบัญชีหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะดีกว่า
Leave a Reply